สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ ในทุกวันนี้อย่างที่เราทราบกันว่า สิ่งของต่างๆที่ใช้ในการสร้างบ้านได้ปรับขึ้นราคาขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ง่ายสำหรับการสร้างบ้านหนึ่งหลัง ซึ่งใช้วัสดุเป็นจำนวนมาก และยิ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ๆจึงต้องใช้ทั้งเวลา และงบประมาณในจำนวนที่มากมาย ดังนั้นจึงอยากนำเสนอแบบบ้านหลังนี้ เพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการตัดสินใจ
แบบบ้านหลังนี้เป็นงานเผยแพร่จากคุณ Jin Kazama (เจ้าของผลงาน) ซึ่งเป็นบ้านโมเดิร์นชั้นเดียวที่ทันสมัย เน้นตกแต่งภายนอกด้วยสีเทาเป็นหลัก ส่วนภายในได้ใช้เป็นสีฟ้า ขนาดของบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยรวม 115 ตารางเมตร ได้แบ่งสร้างเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องโถง 1 ห้องครัว และหน้าบ้านก็สร้างเป็นระเบียงแบบเปิด
หลังคาของบ้าน เป็นทรงเพิงแหงนที่ต่างระดับ มุงด้วยแผ่นเมทัลชีทสีเขียวมิ้นต์ ตามชายคาได้ติดตั้งฝ้าไว้เป็นอย่างดี ผนังที่แต่งด้วยสีเทา ใช้สีเทาเข้มสำหรับฐานขอบล่างและผนังใต้ชายคา ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ไม้ฝาเฌอร่า และได้ติดตั้งช่องลมระบายอากาศไว้ ระเบียงแบบเปิดหน้าบ้าน โดดเด่นด้วยกระเบื้องสีเทาที่กรุทับไว้ตรงกลาง พร้อมกับติดตั้งโคมไฟไว้ด้านบน
ประตูใหญ่หน้าบ้าน เป็นกระจกบานเลื่อนสีใส ภายในที่เป็นห้องโถงกว้าง ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ผนังที่ฉาบเรียบไว้ แต่งด้วยสีฟ้าล้วน ซึ่งสดใสมากๆและเข้ากันได้ดีกับฝ้าหลุมสีขาวที่ได้ฝังไฟดาวน์ไลท์ไว้หลายดวง ในส่วนของห้องนอนที่สร้างไว้โซนเดียวกัน มีประตูทางเข้าเป็นบานไม้สีน้ำตาลที่คาดด้วยสีดำ
ห้องครัว ปูพื้นด้วยกระเบื้องอย่างดี ผนังส่วนที่ทาสีก็ยังคงเป็นสีฟ้า ส่วนตรงที่กรุทับด้วยกระเบื้อง เป็นลายอิฐสีขาว เคาน์เตอร์ใหญ่ทรงตัวแอลที่สร้างไว้ติดผนัง ปูท็อปด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีดำ และติดตั้งซิงค์ล้างจานไว้ ด้านล่างที่เป็นตู้เก็บของ เป็นกระเบื้องลายตารางสีขาว ส่วนที่เลยเตาไฟขึ้นไป ได้ติดตั้งเครื่องดูดควันขนาดใหญ่ไว้
ห้องน้ำ ทั้งพื้นและผนังได้กรุทับด้วยกระเบื้องอย่างดี โดยมีลวดลายและโทนสีที่ต่างกัน ห้องนี้มีสุขภัณฑ์ครบ และต่างพร้อมต่อการใช้งาน
จบไปแล้วนะคะกับแบบบ้านโมเดิร์นชั้นเดียวหลังนี้ ที่สร้างและออกแบบได้เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะชอบ และได้ไอเดียดีๆไปใช้กับการสร้างบ้านของตน สำหรับใครที่จะนำไปใช้เป็นแบบอย่าง งบประมาณในการสร้างอาจจะเปลี่ยนแปลงจากที่เรานำเสนอ ขึ้นอยู่กับค่าวัสดุ และค่าระยะทางในเขตพื้นที่ก่อสร้างด้วยค่ะ
ขอบคุณที่มา: เฟซบุ๊ก Jin Kazama
